จากกรณีพรรคเพื่อไทยประกาศรวบรวมเสียง สส.เพื่อจัดตั้งรัฐบาล โดยหนึ่งในพรรคที่ถูกจับตามองในขณะนี้คือพรรคประชาธิปัตย์ ว่าจะร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย
ล่าสุด นายเดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดใจกับ “อาร์ท เอกรัฐ” ในรายการสับประเด็นถึงแนวทางการร่วมจัดตั้งรัฐบาลตอนหนึ่งว่า จริงๆหลักของประชาธิปัตย์ การร่วมรัฐบาลตนคิดคนเดียวไม่ได้ โดยหลักแล้ว 1.ต้องเทียบเชิญก่อน 2.กรรมการบริหารพรรคประชุมร่วม สส.25 คน รวม 52 คน ซึ่งการประชุมนี้ส่วนใหญ่ว่าอย่างไรถือเป็นมติพรรค
แต่ตอนนี้ยังไม่มีการส่งเทียบเชิญมา อาจจะมีการพูดคุยกันแต่ไม่เป็นื่งการ หากมีการเชิญมาก็ต้องนำเข้าประชุมกรรมการบริหารพรรคและ สส.ของพรรค
เมื่อถามว่าส่วนตัวอยากให้พรรคประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายเดชอิศม์ กล่าวว่า โดยส่วนตัวเราหาเสียงกับประชาชน เราได้นำนโยบายกับประชาชนว่าจะทำอะไรบ้าง ถ้าเราไปอยู่ฝ่ายค้านถามว่าเราช่วยอะไรประชาชนได้บ้าง เพราะฉะนั้นมี 2 ประเด็นที่ต้องคำนึงคือนึกถึงพรรคหรือนึกถึงชาติและประชาชน เราจะเห็นประโยชน์ส่วนไหนสำคัญกว่า สำหรับตนชาติและประชาชนสำคัญกว่าพรรค
“ส่วนตัวผมจริงๆ ผมอยากให้ร่วมรัฐบาล เพื่อแนวคิดของเราอยากแก้ปัญหาประชาชนจะแก้ได้”
เมื่อถามว่าหากกรรมการบริหารพรรคมีมติไม่ร่วมรัฐบาลจะทำอย่างไร นายเดชอิศม์ กล่าวว่า เราก็ต้องเคารพมติพรรค เราจะฉีกไปเป็นงูเห่าไม่ได้ เพราะพรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันการเมือง หากมีการเทียบเชิญมา สุดท้ายกรรมการบริหารพรรคและ ส.ส.ของพรรค จะเป็นคนชี้ขาดว่าจะเดินไปทางไหน ร่วมหรือไม่ร่วม
เมื่อถามหากแยกเรื่องการโหวตนายกฯ ออกจากการตั้งรัฐบาล ว่ามีสิทธิจะโหวตนายกรัฐมนตรีให้เฉยๆ หรือไม่ นายเดชอิศม์ กล่าวว่า เรื่องโหวตนายกรัฐมนตรี เป็นมติที่ประชุม สส. 25 เสียงอย่างเดียว หากส่วนใหญ่มีมติว่าจะยกมือให้ก็ต้องยก แต่หากเป็นเรื่องเข้าร่วมรัฐบาลก็จะต้องเข้าที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคร่วมกับ สส.
เมื่อถามว่าแสดงว่ามีสิทธิจะโหวตนายกฯให้หรือไม่ นายเดชอิศม์ กล่าวว่า อยู่ที่ สส. ซึ่งจะมีการประชุมก่อนวันลงมติ 1 วัน หากที่ประชุมส่วนใหญ่ บอกว่ายกให้ก็ต้องยกให้ หากมีมตอไม่ยกให้ก็ต้องไม่ยก
เมื่อถามว่าเท่าที่พูดคุยกับ สส. เห็นไปในทิศทางไหน นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกับ สส. ในเรื่องการโหวตนายกฯ แต่ได้คุยเรื่องการร่วมรัฐบาลได้คุยกันบ้าง บางคนก็เห็นด้วยบางคนก็ไม่เห็นด้วย แต่ สส.ส่วนใหญ่ในพื้นที่เขารับปากประชาชนไว้มาก เขาก็อยากให้ร่วมรัฐบาล เพราะไม่รู้จะแก้ปัญหาให้ประชาชนอย่างไรหากเป็นฝ่ายค้าน
เมื่อถามว่าไม่มองเหมือนอีกขั้วหรือว่าทางฟื้นที่ดีที่สุดของพรรคประชาธิปัตย์คือการไปเป็นฝ่ายค้าน นายเดชอิศม์ กล่าวว่า เขาอาจจะมองแนวนั้น เขาคิดแนวนั้น และก็ได้รับผลลัพธ์มาแล้วคือตกทั้งจังหวัด ส่วนตนจะคิดอีกแบบหนึ่ง แต่ก็ไม่มีใครผิดใครถูก สุดท้ายมติพรรคเป็นหลัก
เมื่อถามอีกว่ากลัวไหมว่าหากเข้าร่วมรัฐบาลอีกรอบ จะทำให้ สส.ลดลง จนอาจจะไม่เหลือ สส.เลย นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ไม่กลัว เพราะไม่มีหลักประกันที่ชัดเจนเลยว่าการร่วมรัฐบาลทำให้เสียงลดลง ไม่ใช่ตัวรแปรที่สำคัญ บางที่อาจจะได้มากกว่าหรือน้อยกว่าก็ได้ ซึ่งไม่มีหลักประกันใดๆเลยว่าร่วมกับพรรคนั้นพรรคนี้แล้วทำให้เสียงเราตก แต่พรรคประชาธิปัตย์เองจะต้องปรับตัว ต้องเปลี่ยนใหม่หมด เพราะทุกอย่างรอบข้างเปลี่ยน ความต้องการของประชาชนก็เปลี่ยน หากเราไม่เปลี่ยนเราคิดแบบเดิมๆไม่มีทางสู้ได้
เมื่อถามถึงความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นขั้วตรงข้ามกัน นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ความขัดแย้งเดิมๆ พวกตนคนรุ่นใหม่ไม่อยากเอามาเป็นมรดกตกทอด เราอยากสลายความขัดแย้ง คนที่เคยโกรธเคยเกลียดกันมา ถ้ามาจับมือกันเพื่อนำพาประเทศตนว่าเป็นสิ่งที่ดี และตนกับเพื่อในพรรคเพื่อไทยก็สนิทสนมกันเพราะเคยเป็นผู้สมัครพรรคไทยรักไทย ก็มีความผูกพันกับ สส.พรรคเพื่อไทย
"เพื่อไทย" จับมือ "ชาติไทยพัฒนา" รวมเสียงตั้งรัฐบาลเพิ่ม จ่อแก้วิกฤตประเทศ
ฟังคำตอบชัดๆ เมื่อวาน “เพื่อไทย-ก้าวไกล” คุยอะไรกัน
"ไผ่ ลิกค์ " เผย พปชร. พร้อมยก 40 เสียง โหวตนายกฯ เพื่อไทย แบบไร้เงื่อนไข
เมื่อถามว่าไปฮ่องกงไหม นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ไป ซึ่งเป็นช่วงวันเกิดนายทักษิณพอดี ส่วนเจอนายทักษิณหรือไม่ นายเดชอิศม์ กล่าวว่า เจอครับ ซึ่งก่อนหน้านี้ที่ตนไม่อยากพูดเพราะกลัวว่านายทักษิณ หรือใครก็ตามจะเสียหาย ซึ่งนายทักษิณสนิทสนมกับตนส่วนตัว เพราะตนเคยลงสมัครพรรคไทยรักไทยปี 2548 ซึ่งตนก็ไม่มีความแค้นส่วนตัวกับใครอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าคุยอะไรกันบ้างที่ฮ่องกง นายเดชอิศม์ กล่าวว่า “บอกตามตรงว่าไม่ได้ดีลเรื่องตั้งรัฐบาล แต่ท่านถามผมว่าหลักของพรรคประชาธิปัตย์เอาอย่างไร ผมก็พูดว่าถ้ามีพรรคแกนนำเทียบเชิญมาไม่ว่าพรรคไหนก็ต้องมีการประชุมร่วมระหว่างกรรมการบริหารพรรคกับ สส. มติวาอย่างไรประชาธิปัตย์ต้องยืนยันตามมตินั้น หากใครรับมติไม่ได้ต้องลาออกจากการเป็น สส.”
เมื่อถามว่ามีการเอ่ยปากชวนว่าให้ร่วมกันหรือไม่ กล่าวว่า “ก็มีครับ แกก็พูดเชิงเล่นเชิงจริง ว่าชายหมดเวลาความขัดแย้งกันแล้ว เรามาช่วยกันพัฒนาประเทศดีกว่า ผมดูดวงแล้ว ดวงคุณกำลังขึ้นกำลังมาแรง น่าจะช่วยเหลือประเทศชาติได้ นั่นคือสิ่งที่คุยกับนายกฯทักษิณ”
เมื่อถามอีกว่ามีการพูดรายละเอียดหรือไม่ว่าหากพรรคประชาธิปัตย์จะมาร่วมรัฐบาลต้องมาทั้งพรรค และประกาศให้ชัดเจน นายเดชอิศม์ กล่าวว่า “ไม่มีครับ ท่านไม่ได้พูดถึงรายละเอียดอย่างนั้นเลย เพราะท่านรู้กฎกติกาของประชาธิปัตยอยู่แล้วว่า ถ้ามาต้องมาทั้งพรรคใครมาไม่ได้ต้องลาออกจาก สส.”
เมื่อถามว่าหลังจากวันนั้นได้พูดคุยกันอีกไหม นายเดชอิศม์ กล่าวว่า “ไม่ได้พูดคุยอีกเลยครับ ไม่ได้เจอท่านอีกเลย”
เมื่อถามอีกว่าได้พูดคุยเรื่องนี้กับเพื่อน สสคำพูดจาก สล็อตวอเลท. หรือกรรมการบริหารพรรคหรือไม่ นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ในเพื่อน สส.ที่ใกล้ชิดกันก็ได้คุยกันบ้าง ส่วนสส.ที่ห่างกันไม่อยากคุยเพราะเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่เรื่องของพรรค แต่วันนี้ก็น่าจะรู้ทั้งพรรคแล้ว
เมื่อถามว่าการจะกลับมาของประชาธิปัตย์ต้องทำอย่างไร นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าแนวคิดต่างๆ ต้องเปลี่ยน คนรุ่นใหม่ต้องเข้ามา ทั้งนี้ถ้ามเราเปลี่ยนใหม่ เชื่อว่ายังมีเด็กรุ่นใหม่ที่จบจากต่างประเทศ ซึ่งความคิดความเก่งไม่น้อยกว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ยังมีคนอยากเข้าพรรคประชาธิปัตย์อยู่ แต่เราต้องเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร เปิดใจให้กว้าง เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้าได้ง่ายขึ้น ตนคิดว่าไปได้